บทความ,ข่าว

บทความ

เตือนภัย! สินเชื่อแบงก์หดตัวในรอบ 21 ปี! สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้!

 เตือนภัย! สินเชื่อแบงก์หดตัวในรอบ 21 ปี! สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้!

ช็อก! สินเชื่อแบงก์หดตัวครั้งแรกรอบ 21 ปี! เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจไทย ?


  • ข้อมูลจาก สศช. เผย ยอดเงินให้กู้ยืมภาคเอกชนลดลง 0.04% ในไตรมาส 4/67 ลดลงครั้งแรกในรอบ 21 ปี! (ดูตารางเปรียบเทียบการเติบโตของสินเชื่อในแต่ละไตรมาสได้ในภาพประกอบ)
  • สินเชื่อครัวเรือนร่วง 2.84%! รถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคลได้รับผลกระทบหนัก!
  • แบงก์เข้มงวดการปล่อยกู้! หวั่นหนี้เสียพุ่ง!
  • NPL ลดลงเหลือ 5.521 แสนล้าน แต่ SMEs และครัวเรือนยังน่าห่วง!
  • ธปท. ชี้ แบงก์ยังมั่นคง แต่ต้องจับตา SMEs และครัวเรือนใกล้ชิด!

ประเด็นสำคัญ:

  • เศรษฐกิจชะลอตัว: สินเชื่อหดตัว = กำลังซื้ออ่อนแอ!
  • หนี้ครัวเรือนสูง: กระทบการใช้จ่าย!
  • แบงก์ระวังตัว: ปล่อยกู้ยากขึ้น!
  • ต้องจับตา: SMEs และครัวเรือน!

การวิเคราะห์ผลกระทบ:

  • สัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว:
    • การหดตัวของสินเชื่อภาคเอกชนเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว การลดลงของสินเชื่อสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงของภาคธุรกิจและครัวเรือนในการใช้จ่ายและการลงทุน
    • การที่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อยิ่งตอกย้ำถึงความกังวลต่อความเสี่ยงของหนี้เสียที่อาจเพิ่มขึ้น
  • ผลกระทบต่อภาคครัวเรือน:
    • การลดลงของสินเชื่อครัวเรือนบ่งชี้ว่าประชาชนกำลังเผชิญกับปัญหาภาระหนี้สินที่สูงขึ้น และความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลง
    • การที่สินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคลได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ แสดงให้เห็นถึงการลดลงของการบริโภคสินค้าคงทนและการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
  • ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ SME:
    • SMEs เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการหดตัวของสินเชื่อ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ การขยายกิจการ และการจ้างงาน
    • ธุรกิจในกลุ่มที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันปรับลดลง จะยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้น
  • ความเสี่ยงของหนี้เสีย (NPL):
    • แม้ว่ายอดคงค้าง NPL จะปรับลดลง แต่ยังคงต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของ SMEs และครัวเรือนอย่างใกล้ชิด
    • หากเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง ความเสี่ยงที่ NPL จะเพิ่มขึ้นย่อมมีมากขึ้น

ผลกระทบต่อภาคประชาชน:

  • ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น:
    • ประชาชนอาจเผชิญกับความยากลำบากในการชำระหนี้ที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรายได้ลดลงหรือค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น
    • ความเสี่ยงของการผิดนัดชำระหนี้และการถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเพิ่มขึ้น
  • การลดลงของการบริโภค:
    • ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและภาระหนี้สินจะทำให้ประชาชนลดการใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ และเศรษฐกิจโดยรวม
  • ความไม่มั่นคงทางการเงิน:
    • การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยากขึ้น และความเสี่ยงของหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ประชาชนรู้สึกไม่มั่นคงทางการเงิน
    • ประชาชนอาจต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย และวางแผนการเงินอย่างรอบคอบมากขึ้น
  • การว่างงาน:
    • ถ้าธุรกิจ SME ที่ไม่สามารถเข้าถึงเเหล่งเงินทุนได้ เกิดการปิดตัวลง จะส่งผลให้เกิดการว่างงานเพิ่มมากขึ้น

ข้อเสนอแนะสำหรับภาคประชาชน:

  • วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ:
    • จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อควบคุมการใช้จ่ายและหาแนวทางลดภาระหนี้สิน
    • หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น และพยายามชำระหนี้ที่มีอยู่ให้เร็วที่สุด
  • สร้างรายได้เสริม:
    • มองหาโอกาสในการสร้างรายได้เสริม เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน
  • ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ:
    • ติดตามข่าวสารและข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:
    • หากมีปัญหาทางการเงินที่ซับซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
  • ฐานเศรษฐกิจ

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้อิงจากรายงาน ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต

KAIDOWN ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน!

  • ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจได้ที่ KAIDOWN!
  • หากท่านต้องการคำแนะนำเรื่องการเงินหรือมีปัญหาผ่อนรถไม่ไหวทางเราพร้อมที่จะให้คำแนะนำ