Demo

บทความ,ข่าว

บทความ

การซื้อขายดาวน์รถยนต์แบบ "ผ่อนต่อกันเอง"หากไม่มีตัวกลาง จะเป็นอย่างไร ?

  

  1. ปัญหาการผิดนัดชำระค่างวด: นี่คือความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด เมื่อไม่มีตัวกลางคอยแจ้งเตือนและติดตาม ผู้ซื้ออาจลืม ผิดนัด หรือแม้แต่มีเจตนาที่จะไม่ชำระค่างวด ซึ่งผู้ขายจะต้องรับภาระในการติดตามทวงถามด้วยตนเอง
  2. การติดตามและบันทึกหลักฐานยุ่งยาก: การทำธุรกรรมระหว่างบุคคลโดยตรงทำให้ยากต่อการติดตามประวัติการชำระเงินอย่างเป็นระบบ การไม่มีหลักฐานการชำระเงินที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานอาจทำให้เกิดข้อพิพาทได้ในภายหลัง
  3. ความสัมพันธ์ตึงเครียดและการเผชิญหน้า: ผู้ขายต้องเป็นฝ่ายติดต่อไปยังผู้ซื้อโดยตรงเพื่อสอบถามหรือทวงถามค่างวด ซึ่งอาจสร้างความอึดอัดใจ ความไม่พอใจ และทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ง่ายกว่าการมีตัวกลาง
  4. ผลกระทบต่อเครดิตของผู้ขาย (เจ้าของเดิม): แม้ผู้ซื้อจะรับช่วงผ่อนต่อ แต่ชื่อผู้กู้กับสถาบันการเงินยังคงเป็นชื่อของผู้ขายเดิม หากผู้ซื้อไม่ชำระค่างวดตามกำหนด ผู้ขายจะได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งค่าปรับ ล่าช้า และที่สำคัญที่สุดคือประวัติเครดิต (Credit Score) ที่จะเสียไป ซึ่งส่งผลต่อการทำธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ ในอนาคต
  5. ความเสี่ยงที่รถจะถูกยึด: ในกรณีที่ผู้ซื้อผิดนัดชำระเป็นเวลานานและผู้ขายไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ สถาบันการเงินมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อยึดรถคืน ซึ่งสร้างความยุ่งยากและเสียหายทั้งต่อผู้ขายและผู้ซื้อ
  6. ความซับซ้อนในการโอนกรรมสิทธิ์: เมื่อผ่อนชำระใกล้ครบ หรือครบถ้วนแล้ว กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีการประสานงานกับสถาบันการเงิน กรมการขนส่งทางบก และเตรียมเอกสารต่างๆ หากไม่มีตัวกลางคอยให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวก ผู้ซื้อและผู้ขายต้องจัดการเอง ซึ่งอาจเกิดความล่าช้า ความผิดพลาด หรือแม้กระทั่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการโอน
  7. โอกาสในการถูกหลอกลวง: แม้ตัวกลางจะไม่ได้ป้องกันมิจฉาชีพได้ 100% แต่การทำธุรกรรมแบบไม่มีตัวกลางเลย ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผู้ซื้อหรือผู้ขายอาจใช้ช่องว่างในการหลอกลวง เช่น ผู้ซื้อรับรถไปแล้วไม่ผ่อนต่อ หรือผู้ขายรับเงินดาวน์แล้วไม่ให้ความร่วมมือในการโอนเมื่อผ่อนครบ

โดยสรุปแล้ว การซื้อขายดาวน์รถยนต์แบบ "ผ่อนต่อกันเอง" โดยไม่มีตัวกลาง อาจดูเหมือนง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายในตอนแรก แต่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและภาระที่ผู้ขาย (เจ้าของเดิม) ต้องแบกรับเป็นหลัก ตั้งแต่การติดตามทวงถามไปจนถึงผลกระทบทางกฎหมายและการเงินที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการมีตัวกลางเข้ามาช่วยสร้างระบบ ระเบียบ และความปลอดภัยให้กับทุกฝ่ายในการทำธุรกรรมประเภทนี้ครับ